ท่านอาจารย์โง้วกิมโคย (เซียนแปะโรงสี) ภาพถ่ายหลังแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมเลี่ยมเก่า

ล็อกเก็ตรูปถ่ายหลังแม่น้ำ เซียนแปะโรงสี โง้วกิมโคย 

          วัตถุมงคลอีกอย่าง ที่เซียนแป๊ะท่านมอบให้กับลูกศิษย์ในยุคแรกๆ น่าจะประมาณปี 2516-2520 ก็คือล๊อกเก็ตรูปถ่ายเซียนแป๊ะท่านยืนโดยมีฉากหลังเป็นแม่น้ำซึ่งคนทั่วไปเรียกว่าล๊อกเก็ตรูปถ่ายหลังแม่น้ำ ก่อนหน้านี้ก็เคยสงสัยว่าใครเป็นผู้สร้างถวายแป๊ะท่าน เคยเรียนต่อหน้ารูปปั้นเหล่าแป๊ะท่านว่าอยากทราบว่าใครเป็นผู้สร้างหนอ จนเมื่อวันที่ทำบุญวันคล้ายวันละสังขารเซียนแป๊ะท่านที่ศาลาเซียนแป๊ะเมื่อ 16 มค. 2561 ซึ่งวันนั้นจัดงานทำบุญรวมญาติของแป๊ะท่าน ได้มีญาติๆเซียนแป๊ะท่านมาเป็นจำนวนมาก ในวันนั้นก็ได้พบญาติของแป๊ะท่านคู่หนึ่งใส่ล๊อกเกตรูปถ่ายหลังแม่น้ำ แอบนึกในใจว่าล๊อกเกตของเฮียกับแจ้เขาสภาพสวยมากเลย น่าจะเก็บรักษาอย่างดี แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร พอออกจากงานคุณแม่ก็บอกว่าทราบแล้วว่าใครเป็นผู้สร้างล๊อกเกตรูปถ่ายหลังแม่น้ำ วันนี้เห็นหลานสาวแป๊ะท่านกับหลานเขยแป๊ะท่านไหม คุณพ่อของหลานเขยแป๊ะท่านเป็นลูกศิษย์ที่สนิทใกล้ชิด และยังจัดเป็นญาติเซียนแป๊ะท่านด้วย เพราะลูกชายของท่านแต่งงานกับลูกสาวของอี๊สามย่าน ซึ่งลูกศิษย์คนที่คุณแม่กล่าวว่าเป็นผู้ที่สร้างล๊อกเกตรูปถ่ายหลังแม่น้ำคือ ท่านท่งเจี๊ยบ แซ่เฮ้ง (เฮ้งท่งเจี๊ยบ) คุณแม่ท่านรู้จักดี ซึ่งท่านเฮ้งท่งเจี๊ยบเป็นลูกศิษย์รุ่นอาวุโสของเซียนแป๊ะท่านเลย

ต่อมาในวันงานทำบุญให้เซียนแป๊ะเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2561 จึงได้มีโอกาสคุยกับเฮียลูกชายของท่านท่งเจี๊ยบแป๊ะ เฮียเล่าให้ฟังว่า ท่านท่งเจี๊ยบแป๊ะเป็นผู้สร้างล๊อกเกตรูปถ่ายหลังแม่น้ำ ถวายเซียนแป๊ะท่านเอง โดยทำบล๊อคเลี่ยมกรอบพลาสติกด้วยตัวเองเลย ทำให้ล๊อกเกตแต่ละแบบ มีขนาดเท่ากัน ทำออกมามีขนาดใหญ่กับกลาง ซึ่งจำนวนที่ทำเป็นหลักร้อยองค์ จึงจัดเป็นวัตถุมงคลของเซียนแป๊ะอันทรงคุณค่าที่มีจำนวนค่อนข้างน้อย เฮียเขายังเล่าอีกว่า ยังมีขนาดจัมโบ้ตั้งโต๊ะอีกหนึ่งอัน ทำขึ้นเป็นพิเศษ

ข้อมูลที่เอามาลงให้ทราบกันนี้ได้ขออนุญาติเฮียลูกชายของท่านท่งเจี๊ยบแป๊ะเอามาลงแล้วครับ วันหน้าได้เจอเฮียเขาอีก ถ้ามีรูปเพิ่มเติม จะขออนุญาตนำมาลงให้ชมกันครับ ก็ขอฝากคุณณีเผื่อมีโอกาส สามารถนำรูปเพิ่มเติมมาให้สมาชิกได้ชมกันครับ

 

Cr : PK Trawankhanjana

      

              เซียนแปะโรงสี หรือท่านอาจารย์โง้วกิมโคย พุทธคุณ ประสบการณ์ขนาดว่า แค่อัดรูปเหมือนท่านโดยที่ยังไม่ต้องปลุกเสกไปให้คนที่ถูกผีเข้าดูผีกระเจิงทุกรายไป บางท่านเรียกผ้ายันต์กันไฟเพราะประสบการณ์เรื่องกันไฟก็เยี่ยมครับ และสามารถใช้แก้ฮวงจุ้ยเสริมดวงได้ด้วย ท่านเป็นอาจารย์ของเจ้าสัวในเมืองไทยมีชื่อเสียงหลายท่าน 

               ล็อกเก็ตรูปถ่ายหลังแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมเลี่ยมเก่าสภาพสวยสมบูรณ์มาก เป็นรูปที่ท่านหน้าทรงองค์เทพ สีซีเปียหายากมากๆ เรื่องพุทธคุณท่านเด่นดีทางด้านโชคลาภค้าขายดีมากๆ หนุนดวง แก้สิ่งไม่ดีแก้ปีชง ด้วยยันต์ฟ้าประทานพร

               วัดศาลเจ้า ริมแม่น้ำเจ้าพระยา กระแสน้ำเชี่ยว และเป็นวังวนมีศาลเจ้าไม้เล็กๆ อยู่ (ตามประวัติศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้า) ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “ศาลเจ้าพ่อปู่” ชาวจีนเรียกว่า “ปึงเถ่ากงม่า” เมื่อท่านมีเวลาจะมาบูรณะ และคลุกคลีอยู่ที่ศาลเจ้าเป็นประจำ เนื่องจากท่านเป็นคนชอบช่วยเหลือคน ชอบทักทาย และชี้แนะให้ทุกคนประกอบแต่ความดี เป็นที่เคารพและศรัทธาของผู้คนทั่วไป

               ผู้ที่ศรัทธาท่านจากแหล่งต่างๆ มาพบท่านและให้ท่านช่วยเหลือ ชี้แนะเกี่ยวกับฮวงจุ้ย ที่ตั้งบริษัท บ้าน ห้างร้าน และดูทำเลที่ตั้งฮวงซุ้ยของบรรพบุรุษ ท่านก็ไปให้คำแนะนำ และชี้แนะทุกรายไป แม้กระทั่งไปยังต่างประเทศ ท่านก็ยังขึ้นเครื่องบินไปตามคำร้องขอซึ่งต้องจัดเตรียมหมากพลูไปด้วย ท่านช่วยเหลือบรรดาศิษย์ทุกๆ ท่าน โดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย และไม่มีค่าตอบแทนใดๆ ผู้ที่ท่านชี้แนะมักประสบความสำเร็จในธุรกิจ กิจการรุ่งเรืองเป็นที่รู้จักในวงการค้าทั่วไป พร้อมทั้งบอกเล่าต่อๆ กันไป ผู้ที่เคารพศรัทธาเรียกท่านว่า “อาแปะ” พร้อมทั้งขนานนามท่านว่า “เซียนแปะ” 

ไม่นานคําร่ำลือที่ศิษย์ทุกคนยอมรับท่านอาจารย์โง้วกิมโคย พุทธคุณ ประสบการณ์ขนาดว่า แค่อัดรูปเหมือนท่านโดยที่ยังไม่ต้องปลุกเสกไปให้คนที่ถูกผีเข้าดูผีกระเจิงทุกรายไป ส่วนยันต์ด้านข้างเป็นยันต์ฟ้าประทานพร ผู้ใดที่มีจะพบแต่คำว่า ดี เฮง รวย และสามารถใช้แก้ฮวงจุ้ยเสริมดวงได้ด้วยครับ บางท่านเรียกผ้ายันต์กันไฟเพราะประสบการณ์เรื่องกันไฟก็ยอดเยี่ยม ท่านเป็นอาจารย์ของเจ้าสัวระดับประเทศ ในคอท่านห้อยเหรียญอาแปะเพียงแค่เหรียญเดียวเท่านั้น แก้ไขฮวงจุ้ยจนจ้าวสัวท่านรวยระดับประเทศมาแล้ว และนับเป็นอาจารย์คนแรกของเครือซีพีที่เป็นคนดูโหงวเฮ้งพนักงานก่อนที่ซีพีจะรับเข้าทำงาน ตอนนี้คนที่ดูโหงวเฮ้งให้ทางซีพีก็ยังคงเป็นศิษย์ที่รับวิชาถ่ายทอดต่อจากอาแปะ

นอกจากนี้อาแปะท่านยังเป็นอาจารย์สอนการดูโหงวเฮ้งให้กับอาจารย์หมอ สมสุข คงอุไร ผู้ก่อตั้งคณะรัศมีพรหมโพธิโก นั่นเป็นเหตุให้ศิษย์สายรัศมีพรหมโพธิโกนับถือท่านเป็นครูบาอาจารย์อีกท่านนึงครับ มีของท่านแล้วเฮงๆรวยๆสุดๆครับ ประวัติของท่านมีคนทราบน้อยมากและตำรับตำราก็ไม่มีให้อ่านจึงต้องศึกษาจากผู้รู้ครับ คนจีนที่เป็นระดับเจ้าสัวแถวเยาวราชนับถือมาก ถ้าใครให้ท่านดูฮวงจุ้ยเสริมดวงได้เฮง ๆ รวย ๆ สุด ๆ สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้นได้ดูฮวงจุ้ยให้กับทางเจ้าสัว ซีพี จนร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองไทยมาแล้ว หรือท่านใดอยากเฮงๆ รวยๆ โดยที่ไม่อยากแขวนพระ หรือมีเรื่องติดขัดด้านทุนทรัพย์ ก็ไปกราบขอพรที่ศาลเจ้าอาแปะโรงสี"โง้ว กิม โคย" ได้ ที่นั่นจะมี โอ่งอักษรมงคลจีนศักดิ์สิทธิ์มีพลังงานเข้มขลังด้านในจะมีน้ำทิพย์ฟ้าประทานพร นำมาประพรมกันได้ เฮง ๆ ดี ๆ โชคดีมีโชคลาภเงินทองล็อกเก็ตอาแปะโรงสี "โง้ว กิม โคย"ยันต์ สวยๆ เฮง เฮง เฮง รวย รวย รวย 

            นายกิมโคย แซ่โง้ว เกิดที่ประเทศจีน ตำบลเท้งไฮ้ ได้เข้ามาประเทศไทย ตั้งแต่เด็ก อายุประมาณ ๑๐ ปี เมื่อเติบโตพอที่จะประกอบอาชีพ ก็ได้รับจ้างทั่วไป รวมทั้งค้าข้าวเปลือก กิจการค้าข้าวเปลือกดีขึ้น จึงได้ร่วมหุ้นทำกิจการโรงสีข้าว ที่ปากคลองบางโพธิ์ล่าง ปัจจุบัน คือ ต.บางเดื่อ จ.ปทุมธานี เมื่ออายุประมาณ ๒๒ ปี ได้สมรสกับ นางนวลศรี เอี่ยมเข่ง มีบุตรด้วยกัน ๑๐ คน พร้อมทั้งได้ย้ายมาประกอบกิจการโรงสีไฟของตนเอง ที่ปากคลองเชียงราก เยื้องวัดศาลเจ้า

โรงสีตั้งอยู่บน ต.บางกะดี ชื่อ “โรงสีไฟทองศิริ” และได้โอนสัญชาติไทย พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น นายนที ทองศิริ

กิจการโรงสีดีขึ้น และมั่นคงขึ้นมาก จนเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เรียกขานนามท่านว่า “เถ้าแก่กิมโคย” หรือ “แปะกิมโคย” แม้ว่าท่านจะเป็นคนจีนดั้งเดิมแต่ท่านก็ชอบกินหมากพลู เช่นชาวไทยทั่วไป

ในยุคนั้น หน้าวัดศาลเจ้า ริมแม่น้ำเจ้าพระยา กระแสน้ำเชี่ยว และเป็นวังวน มีศาลเจ้าไม้เล็กๆ อยู่ (ตามประวัติศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้า) ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “ศาลเจ้าพ่อปู่” ชาวจีนเรียกว่า “ปึงเถ่ากงม่า”

เมื่อท่านมีเวลาจะมาบูรณะ และคลุกคลีอยู่ที่ศาลเจ้าเป็นประจำ เนื่องจากท่านเป็นคนชอบช่วยเหลือคน ชอบทักทาย และชี้แนะให้ทุกคนประกอบแต่ความดี เป็นที่เคารพและศรัทธาของผู้คนทั่วไป

ในช่วงนั้นการคมนาคมยังไม่สะดวก ส่วนใหญ่การเดินทางจะเป็นทางน้ำ การบูรณะศาลเจ้าพ่อศาลเจ้าจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ท่านก็ได้ดำเนินการอย่างไม่หยุดหย่อน และได้ใช้การพายเรือไปช่วยเหลือผู้คนตามสถานที่ต่างๆ จึงมีผู้มีจิตศรัทธาช่วยท่านให้สามารถบูรณะศาลเจ้าพ่อศาลเจ้าไม้เล็กๆ ริมน้ำมาเป็นศาลเจ้าที่เป็นเรือนไม้ขนาดใหญ่ได้

นอกจากการบูรณะศาลเจ้าแล้ว ท่านยังเป็นผู้กำหนดวันในการจัดงานประจำปีของศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้า เป็นวันขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑ ถึงวันขึ้น ๘ ค่ำเดือน ๑ รวม ๔ วัน ๔ คืน ซึ่งทางชาวจีนเรียกช่วงนี้ว่า “เจียง่วย ชิวโหงว” ถึง “เจียง่วย ชิวโป้ย” โดยถือเป็นประเพณีตลอดมา

ในการจัดงานประจำปี บางปีจะมีลมฝนมืดครึ้ม คาดคะเนกันว่า จะมีพายุใหญ่ ท่านจะจุดธูปเพื่อปัดเป่าลมฝนไป ซึ่งฝนก็จะไม่ตก ท้องฟ้าแจ่มใส ผู้คนที่พบเห็นแจ้งว่าท่านอยู่ระหว่าง “เข้าทรง”

โดยเชื่อว่า ท่านมีองค์ประทับอยู่ และยังเชื่อกันอีกว่าองค์ที่ประทับอยู่นั้นเป็น “เจ้าพ่อปู่ของศาลเจ้าพ่อ” วัดศาลเจ้า นั่นเอง

เมื่อผู้คนที่มีความเชื่อมั่นและศรัทธา ขยายวงกว้างออกไปในหมู่พ่อค้าทุกๆ วงการค้า ทำให้ท่านมีศิษย์มากขึ้นและต่างเรียกท่านว่า “หวยลั้งเซียน”

เมื่อการคมนาคมสะดวกขึ้น ผู้ที่ศรัทธาท่านจากแหล่งต่างๆ มาพบท่าน และให้ท่านช่วยเหลือ ชี้แนะเกี่ยวกับ “ฮวงจุ้ย” ที่ตั้งบริษัท บ้าน ห้างร้าน และดูทำเลที่ตั้งฮวงซุ้ยของบรรพบุรุษ ท่านก็ให้คำแนะนำทุกรายไป แม้กระทั่งในต่างประเทศ ท่านก็ยังขึ้นเครื่องบินไปตามคำร้องขอ ซึ่งต้องจัดเตรียมหมากพลูไปด้วย

ท่านช่วยเหลือบรรดาศิษย์ทุกๆ คน โดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย และไม่มีค่าตอบแทนใดๆ ผู้ที่ท่านชี้แนะมักประสบความสำเร็จในธุรกิจการค้า เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้น จนเป็นที่รู้จักในวงการค้าทั่วไป

ผู้ที่เคารพศรัทธาเรียกท่านว่า “อาแปะ” พร้อมทั้งขนานนามท่านว่า “เซียนแปะ” จนกระทั่งทุกวันนี้

เมื่อประมาณปี ๒๕๑๘ ท่านได้ก่อสร้างตึกศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้าใหม่ โดยปรับปรุงจากเรือนไม้เป็นอาคาร ๘ เหลี่ยม ทั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้ที่ศรัทธาท่าน และศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย ทุกๆ วงการ รวมทั้งบุตรหลานในครอบครัวของท่าน โดยใช้เงินในการก่อสร้างกว่า ๗ แสนบาท ก่อสร้างเสร็จพร้อมทั้งทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙

“เซียนแปะ” เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายก็ผ่ายผอมลง หลังโค้งงอ แต่ก็ยังคงช่วยเหลือชี้แนะบรรดาศิษย์และผู้คนทั่วไป โดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย เช่นที่เคยปฏิบัติมาตลอด อย่างเสมอต้นเสมอปลาย จนเป็นที่เคารพรักของบรรดาศิษย์ทุกคน

จนกระทั่งอายุ ๘๕ ปี เมื่อปลายปี ๒๕๒๕ ท่านเริ่มมีอาการอ่อนเพลีย จนต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลพญาไท จนถึงเวลา ๐๕.๓๐ น.ของเช้าวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๒๖ ท่านก็ได้ถึงแก่กรรม ด้วยความสงบ

หลังจากเสร็จพิธีงานศพ บรรดาศิษย์ และครอบครัว ได้ก่อสร้างศาลาอเนกประสงค์ไว้ที่หลังศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้า โดยใช้ชื่อว่า “ศาลานที ทองศิริ” พร้อมทั้งตั้งรูปปั้นจำลองขนาดเท่าตัวจริง เพื่อไว้ให้เป็นที่สักการะ และเป็นที่พึ่งทางจิตใจแก่บรรดาศิษย์และผู้คนทั่วไป

ทุกวันนี้ “เจียง่วย ชิวโหงว” ถึง “เจียง่วย ชิวโป๊ย” เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปของศิษย์และชาวบ้านชาววัดศาลเจ้า และใกล้เคียง ที่ยังคงระลึกถึงท่าน จะพร้อมใจกันมาสักการะท่าน พร้อมทั้งร่วมงานประจำปี ซึ่งมีการแสดงงิ้ว ของศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้า ตามที่ “เซียนแปะ” เป็นผู้กำหนดวันไว้ ตราบจนทุกวันนี้

   อาแปะโรงสี อาจารย์ฆราวาสผู้ได้รับการขนานนามว่า “เซียนแปะโรงสี” เชื่อกันว่าท่านมีองค์ประทับอยู่ซึ่งก็คือเจ้าพ่อปู่ของศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้า โดยในงานประจำปีท่านจะจุดธูปเพื่อปัดเป่าลมฝน ซึ่งฝนก็จะไม่ตกและท้องฟ้าแจ่มใส อาจารย์โง้วกิมโคยท่านมีลูกศิษย์มากมายโดยเฉพาะในหมู่พ่อค้า บรรดาผู้คนจากที่ต่างๆทั้งในและต่างประเทศพากันมาหาท่านเพื่อขอคำชี้แนะเกียวกับฮวงจุ้ยและทำเลที่ตั้ง ซึ่งผู้ที่ท่านชี้แนะจะประสพความสำเร็จ กิจการรุ่งเรื่อง และเป็นที่รู้จักในวงการค้า เล่ากันว่าแม้แต่เจ้าสัวซีพียังห้อยเหรียญของท่านติดตัวตลอดเวลา (เหรียญรุ่นแรกของท่านบริษัทซีพีเป็นผู้สร้างถวาย) ยันต์ฟ้าประทานพรนี้เป็นยันต์ประจำตัวของท่านอาจารย์ กล่าวกันว่าผู้ใดพกพาหรือติดตั้งอยู่ในสถานที่ใดจะพบแต่ความเจริญรุ่งเรือง นำพาโชคลาภเงินทอง รวมถึงสามารถใช้แก้ฮวงจุ้ยเสริมดวง นอกจากนี้ยังขึ้นชื่อทางด้านกันไฟและสิ่งไม่ดีทุกชนิด

...ความหมายของผ้ายันต์อาแปะโรงสี

1 กา พกพาติดตัวปรับฮวงจุ้ยชีวิต บุกเบิกฟันฝ่า สร้างเนื้อสร้างตัว ก่อรากฐานชีวิต เอาติดที่ประตูบ้าน 2ข้างแบบกุ้ยนั่ง รับแรงประทะ โดยมีกาใหญ่ ๆ เป็นประธานในบ้าน เช่น 5 6 7 8 9 10 15 18 ในบ้านเสริมพลังให้ตัวบ้าน

2 กา ร้านเสริมสวย เหมือน ๖ กา เป็นเสน่ห์ ธาตุน้ำ ความสวยงาม

3 กา ใช่ประกอบกับ 8 กาสำหรับที่ที่มีอาถรรพน์เยอะ เป็นการต่อสู้ข่มวิญญาณ เจ้าที่เจ้าทาง

4 กา สำหรับสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม ภัตตาคาร รีสอร์ท บริษัทนำเที่ยว ประกอบกับ 9 กา ยอดเยี่ยมครับ เป็นเรื่องการสื่อสาร การประชาสัมพันธ์ โรงแรมก็ใช้ได้

5 กา สำนักติว ติวเตอร์ โรงเรียนเอกชนที่ก่อตั้งใหม่ ๆ ยังไม่ดัง ชื่อยังไม่ติดชาร์ต ร้านขายสังฆภัณฑ์ ร้านขายหนังสือ เครื่องเขียน

6 กาเหมือน 2 กา โรงแรม อาบอบนวด สถานบันเทิงเริงรมย์ ร้านเสริมสวย ร้านขายของสวย ๆ งาม กิฟต์ชอป ร้านขายดอกไม้ จัดดอกไม้

7 กา สำหรับฟื้นฟูกิจการ. คลีนิค ร้านทำฟัน ขายอุปกรณ์การแพทย์ วัสดุก่อสร้าง บ.ก่อสร้างทาง

8 กา ร้านเหล้า ร้านอาหาร สำหรับนายทหาร นายตำรวจ ข้าราชการตั้งไว้ในห้องทำงานหลังโต๊ะบนหัวเก้าอี้ที่เรานั่ง มีบารมีลูกน้องเกรงขาม หัวหน้า ผู้จัดการ ดีมาก เคล็ดลับอย่าไปบอกใครมาก

9 กา ขายเครื่องสังฆทาน มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า ...

10 กาและ18กา เสริมพลังให้บ้าน เป็นการเสริมเติมเต็ม full ภาษาบาลีว่า ปุรณ แปลเป็นไทยว่าครบถ้วนบริบูรณ์ ใช้ติดเป็นปรธานในบ้าน ๆ นั่นจะบริบูรณ์มั่งคั่ง ทรัพย์สินเรืองรอง เงินทองเนืองนองไหลมาไม่ขาดสายดุจสายน้ำในแม่น้ำลำธารที่ไม่มีวันเหือดแห้ง สุขภาพแข็งแรง ภูติผีปีศาจสิ่งอาถรรพน์ไม่มากร้ำกราย โรคภัยไม่เบียดเบียน สมบูรณ์มั่งคั่งดังคำประกาศิตว่าฟ้าประทานพร

...(การบูชาผ้ายันต์ฟ้าประทานพร)

1.ก่อนแขวนบูชาจุดธูปบอกเจ้าที่เพื่อจะขอแขวนผ้ายันต์

2.นำผ้ายันต์แขวนบนผนัง โดยให้ผ้ายันต์หันออกหน้าร้าน

3.เอากิมฮวย 1 คู่ ติดตรงกลางด่านล่างของรูปและปักธูปไม่จุด 5 ดอก และ แขวนพวงมาลัยพลาสติก 1 พวง บนกรอบด้านบน เป็นอันเสร็จพิธี สามารถถวายพวงมาลัยสดเพิ่มได้.ทั้งนี้กิมฮวยธูป 5 ดอก และพวงมาลัยพลาสติกควรเปลี่ยนปีละ 1 ครั้ง ..(การไหว้) 1.ส้ม 5 ลูก 2.น้ำชา 5 ถ้วย 3.ขนมแต้เหลียว 1 จาน

4.กิมฮวย 1 คู่

5.ธูป 5 ดอก

6.พวงมาลัยพลาสติก 1 คู่

7.ไหว้วันชิวโหงว วันที่ห้า ของวันตรุษจีน วันที่เจ้ากลับลงมาจากสวรรค์ คำอธิฐานขอพรอาแปะโง้วกิมโคย (เซียนแปะสามตา)เทียน กัว สื่อ ฮก โหงว ลี่ ขอให้ฟ้าประทานพร โชคลาภ ความมั่งคั่ง ร่ำรวย สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว ผ้ายันต์ฟ้าประทานพรแป๊ะโรงสีฆราวาสขมังเวทย์วัดศาลเจ้าปทุมฯผ้ายันต์ฟ้าประทานพรแป๊ะโรงสีฆราวาสขมังเวทย์แห่งวัดศาลเจ้า จ.ปทุมธานี

อ้างอิง: พระองค์ครู เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู           

  วัดมะขาม ตั้งอยู่เลขที่ ๒/๑ บ้านปากคลองเชียงราก หมู่ ๓ ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี ได้สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๑๗๐ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยชาวมอญที่อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทย เมื่อได้ตั้งหลักปักฐานมั่นคงแล้ว โดยอุปนิสัยรักสงบ ยึดมั่นในระเบียบประเพณีและนับถือพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด จึงได้รวมตัวกันสร้างวัดขึ้นมาเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ โดยสถานที่สร้างนั้นสันนิษฐานว่าจะมีต้นมะขามขึ้นอยู่มาก หรือจะมีต้นมะขามใหญ่ บ้างก็ว่าเป็นชื่อบ้านเดิมมาจากเมืองมอญ จึงตั้งชื่อวัดว่า “วัดมะขาม”             

ครั้นต่อมาการคมนาคมมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากแม่น้ำที่ขุดลัดผ่านมีขนาดกว้างขึ้น แม่น้ำเจ้าพระยาสายเดิมตื้นเขิน จึงได้สร้างวัดขึ้นใหม่หันหน้าลงแม่น้ำสายใหม่ จึงทำให้มีวัดมะขามสองวัดโดยเรียกวัดที่สร้างขึ้นใหม่ว่า “วัดมะขามนอก” และอีกชื่อหนึ่ง "วัดมะขามเหนือ” ส่วนวัดมะขามเดิมเรียกว่า "วัดมะขามใน”                 ในสมัยพระครูปทุมสารธรรม (วงศ์) วัดมะขามในซึ่งเป็นวัดเดิมได้ร้างลง และชำรุดผุพังเกินกำลังที่จะบูรณะขึ้นมาใหม่ได้ จึงได้ถูกยุบรวมกันเป็นวัดเดียว และคำว่า “เหนือ” ได้ถูกตัดออกไปเป็น "วัดมะขาม” เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๘๒ เป็นต้นมาจนถึงทุกวันนี้           

  ส่วน "วัดศาลเจ้า" ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของ "วัดมะขาม" ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อลอยองค์อง "แป๊ะโรงสี" หรือนายกิมเคย แซ่โง้ว บางทีอาจจะเรียก “เถ้าแก่กิมเคย” และ “แป๊ะกิมเคย” แม้ว่าท่านจะเป็นคนจีนดั้งเดิมแต่ท่านก็ชอบกินหมากพลู เช่นชาวไทยทั่วไปในยุคนั้น              ตามประวัติศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้าซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “ศาลเจ้าพ่อปู่” ชาวจีนเรียกว่า “ปึงเถ่ากงม่า” เมื่อท่านมีเวลาจะมาบูรณะและคลุกคลีอยู่ที่ศาลเจ้าเป็นประจำ เนื่องจากท่านเป็นคนชอบช่วยเหลือคน ชอบทักทาย และชี้แนะให้ทุกคนประกอบแต่ความดี เป็นที่เคารพและศรัทธาของผู้คนทั่วไป           

  เมื่อครั้งที่แป๊ะโรงสียังมีชีวิตอยู่ ผู้ที่ศรัทธาท่านจากแหล่งต่างๆ มาพบท่านและให้ท่านช่วยเหลือ ชี้แนะเกี่ยวกับฮวงจุ้ย ที่ตั้งบริษัท บ้าน ห้างร้าน และดูทำเลที่ตั้งฮวงซุ้ยของบรรพบุรุษ ท่านก็ไปให้คำแนะนำและชี้แนะทุกรายไป แม้กระทั่งไปยังต่างประเทศ ท่านก็ยังขึ้นเครื่องบินไปตามคำร้องขอซึ่งต้องจัดเตรียมหมากพลูไปด้วย ท่านช่วยเหลือบรรดาศิษย์ทุกๆ ท่าน โดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยและไม่มีค่าตอบแทนใดๆ ผู้ที่ท่านชี้แนะมักประสบความสำเร็จในธุรกิจ กิจการรุ่งเรืองเป็นที่รู้จักในวงการค้าทั่วไป พร้อมทั้งบอกเล่าต่อๆ กันไป ผู้ที่เคารพศรัทธาเรียกท่านว่า “อาแปะ” พร้อมทั้งขนานนามท่านว่า “เซียนแปะ” จนกระทั่งทุกวันนี้        

     มีคติความเชื่อและเรื่องเล่าสืบต่อๆ กันมาว่าพุทธคุณ ประสบการณ์ของแปะโรงสี ขนาดว่า แค่อัดรูปเหมือนท่านโดยที่ยังไม่ต้องปลุกเสกไปให้คนที่ถูกผีเข้าดูผีกระเจิงทุกรายไป บางท่านเรียกผ้ายันต์กันไฟเพราะประสบการณ์เรื่องกันไฟก็เป็นเยี่ยม รวมทั้งสามารถใช้แก้ฮวงจุ้ยเสริมดวงได้ด้วย โดยเฉพาะผ้ายันต์ฟ้าประทานพร กาเดียว ใหญ่ สำหรับติดบ้านเรือน ปรับฮวงจุ้ย เสริมดวง มีเงินมีทอง