ลูกอมจารมือ ยันต์นวหรคุณ หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ

ลูกอมจารมือ ยันต์นวหรคุณ หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ

 

  นวหรคุณ คือ คุณเก้าประการ ของพระพุทธเจ้า จากบทพุทธคุณนั้นเอง หรือที่เรียกกันตามตำราว่า อิติปิโส เก้าห้อง นับตั้งแต่ห้องที่ว่าอะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ ภุ พะโดยแต่ละตัวมีความหมายดังนี้

               .อะ ย่อมาจาก อะระหัง หมายถึง เป็นผู้ดับเพลิงทุกข์ เพลิงกิเลสโดยสิ้นเชิง บทนี้ใช้ด้านกันไฟทั้งปวง

 

               .สัง ย่อมาจาก สัมมาสัมพุทโธ หมายถึง เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้ด้วยตัวพระองค์เอง บทนี้ใช้เป็นตบะเดชะเสริมสร้างสง่าราศี

 

               .วิ ย่อมาจาก วิชาจะระณะสัมปันโน หมายถึง เป็นผู้พร้อมด้วยวิชาและจรณะ บทนี้ใช้ด้านโภคทรัพย์โชคลาภ

 

               .สุ ย่อมาจาก สุคะโต หมายถึงเป็นผู้ดำเนินไปได้ด้วยดี บทนี้ใช้ในด้านการเดินทาง ทั้งทางบก น้ำ อากาศ

 

               .โล ย่อมาจาก โลกะวิทู หมายถึง เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง บทนี้ใช้ภาวะนาเมื่อเข้าป่าหรือที่มืด

 

               .ปุ ย่อมาจาก อนุตตโร ปุริสะทัมมะสารถี หมายถึง เป็นผู้ฝึกบุรุษผู้ควรฝึกได้ อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า บทนี้ใช้ทางมหาอำนาจ ตวาดผี

 

               .สะ ย่อมาจาก สัตถาเทวะมนุษานัง หมายถึง เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย บทนี้ใช้ทางเมตามหานิยม สมณะ ขุนนางเอ็นดู

 

               .พุ ย่อมาจาก พุทโธ หมายถึง ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน บทนี้ใช้ภาวนาอารมณ์ ทำให้ไม่ตกต่ำอับจน

 

               .ภะ ย่อมาจาก ภะคะวา ติ หมายถึง เป็นผู้จำเริญ จำแนกธรรม สั่งสอนสัตว์ดังนี้ บทนี้ใช้ในทางป้องกันภยันอันตรายอันจะกระทำแก่เรา ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ อมนุษย์ อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ป้องกันการประทุษร้ายเหล่านั้นได้ทั้งสิ้นแล

 

               อุปเท่ห์การใช้ยันต์บทนี้ในการนิมนต์พระหรือวัตถุมงคลขึ้นคอ ให้เริ่มต้นด้วยการถภาวนา นะโม จบ แล้วตามด้วยอะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ ภุ พะ

 

ประวัติหลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ

 

Cr. http://group.wunjun.com/luangporsakhue

 

หลวงพ่อสงวนท่านเป็นชาวอำเภอบางปลาม้าจังหวัดสุพรรณบุรี เกิดเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2460 วันเสาร์ขึ้น 6 ค่ำเดือน 7 ปีมะเส็ง

โยมบิดาชื่อเจิม (นามสกุลร่มโพธิ์ชี)โยมมารดาชื่อสั้น มีพี่นอ้งที่ร่วมอุทรทั้งหมดด้วยกัน 8 คน

1 นางสำเภา

2 นางจันทร์

3 นางบุญรอด

4 พระสมุห์ถนอม

5 หลวงพ่อสงวน ธมฺมานนฺโท

6 นางทองสุข

7 นายพยุง

8 นางสำลี

หลวงพ่อสงวนสมัยที่เป็นฆราวาส(วัยหนุ่ม)นั้นท่านเป็นคนที่ไม่กลัวใครแต่ก็ไม่ไปรังแกผู้อี่นด้วยนิสัยแบบนี้คนสุพรรณบุรีสมัยก่อนเขาถือว่านักเลงจริงชีวิตของท่านจึงเข้าไปวังวนของพวกชุมเสือโดยมีเสือมเหศวรและเสือดำที่เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของท่าน และที่นี่หลวงพ่อก็ได้แลกเปลี่ยนวิชาอาคมจากพรรคพวก(ที่มีวิชาอาคมมากแต่ก่อนแล้ว)

 

เมื่อประมาณปีพ..2470 กว่าๆทางราชการเร่งปราบปรามบรรดาเสือและชุมเสือต่างๆ โยมบิดาและมารดา ของท่านเกรงว่าจะถูกทางราชการเพ่งเล็งหาว่าเป็นสมัครพรรคพวกของเสือในจังหวัดสุพรรณบุรี โยมบิดาและมารดาจึงขอให้ท่านอุปสมบทที่วัดสังโฆษิตาราม เมื่อราวปี .. 2480  มีหลวงพ่อครื้น อมโร เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งต่อมาภายหลังหลวงพ่อสงวนท่านได้เล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับอาจารย์ของ ท่านนี้ให้ศิษย์ของท่านฟังมากมาย มักเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับประสบการณ์พิเศษที่ท่านเคยเห็นมากับตา อาธิ การเดินผ่านทะลุฝาผนังกุฏิ การเรียกหรือห้ามลม ฝน การปลุกเสกพระเครื่องรางต่างๆมากมาย ภายหลังจากการที่บวชเป็นพระแล้วท่านได้เล่าเรียนธรรมะศึกษา พระปริยัติธรรมได้นักธรรมตรีโท/เอก/ และอักขระเลขยันต์คาถาอาคม การเขียนผงลบผงอิทธิเจจากพระอุปัชฌาย์จนเชี่ยวชาญพร้อมๆกันนั้นท่านยังศึกษาวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อครื้นหลังจากอุปสมบทสักระยะหนึ่งท่านได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดองครักษ์ .บางปลาม้า สุพรรณบุรี ราว 4-5 พรรษา ชาวบ้านเลื่อมใสในปฎิปทาต้องการให้ท่านเป็นเจ้าอาวาส แต่ท่านไม่รับตำแหน่ง หวังจะศึกษาวิชาคาถาอาคมที่ได้ร่ำเรียนมา จึงได้ย้ายไปอยู่ที่วัดบ้านกร่างในราวปี ..2490 จนในที่สุดได้ลาสิขาบท เมื่อราวปี .. 2498 ที่วัดบ้านกร่าง .เมือง .สุพรรณบุรี

 

หลังจากสึกมาแล้วนั้นท่านจึงได้มีครอบครัวมีบุตรและธิดารวม 2 คน 1ท่านอธิการอาจารย์ชัย(ตอนนี้ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดไผ่พันมือองค์ประจุบัน) 2 คุณเชียร (ลูกสาวท่าน)ระหว่างที่ท่านได้ครองเรือนอยู่นั้น ท่านก็ยังไฝ่ในพระธรรมท่านจึงมาถือศีลปฏิบัติธรรมอยูที่วัดห้วยสุวรรณ(นุ่งขาวห่มขาว)ก่อนที่ท่านจะเข้าอุปสมบทอีกครั้งในราวปี ..2505  การบวชครั้งนี้ท่านได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดทุ่งแฝกและท่านได้จำพรรษาที่วัดทุ่งแฝกประมาณ6-7 พรรษา ในช่วงนี้มีญาติโยมไปมาหาสู่ท่านเสมอบ้างก็มาขอพึงบารมีท่านเป็นจำนวนมากบางคนอยากได้พระของท่านไว้บูชา ท่านจึงเริ่มสร้างพระและเครื่องรางต่างๆในราวปี ..2510 ส่วนใหญ่จะเป็นลูกอมเนื้อผงอิธิเจ แจกแก่ญาติโยม เป็นครั้งแรกแต่ส่วนมากจะแจกให้แก่เด็กๆ เพราะในสมัยนั้นชาวบ้านไม่ชอบลูกอมกัน เพราะยังไม่รู้จัก และยังไม่เห็นประสบการณ์หลังจากที่เด็กๆแขวนลูกอมของท่านถูกหมากัดแต่ไม่เข้า จึงมีชาวบ้านที่รู้ข่าวเห็นประสบการณ์มาขอลูกอมจากท่านกันมากขึ้นๆจนเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายถึงปัจจุบันนี้ครับ ท่านจำพรรษาอยูที่วัดทุ่งแฝกได้ระยะหนึ่งเกิดขัดแย้งกันภายในวัด ท่านจึงได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดไผ่พันมือ หมู่ที่ 6 ตำบลดอนปรู อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี(โดยมีเตี่ยกุ่ยเตี่ยเม้งเตี่ยง้วน3คนพี่นอ้งกัน)พามาอยู่ที่วัดไผ่พันมือ (ประมาณปี2514)ซึ่งขณะนั้นเป็นวัดร้าง ท่านก็เริ่มสร้างกุฏิไม้หลังเล็กๆขึ้นและจำพรรษาอยู่เพียงรูปเดียว ออกบิณฑบาตรทุกวันต้องเดินเท้าระยะทางไกลประมาณ5-6 . ต้องตื่นแต่เช้าตรู่ จึงจะทันชาวบ้านตักบาตร คืนหนึ่งท่านนอนหลับฝันไปว่าหลวงพ่อดำซึ่งเป็นพระประธาน ในวิหารร้าง บอกกับท่านว่าให้อยู่ที่นี่ไม่ตอ้งไปไหนแล้ว (ท่านจะช่วยให้สร้างวัดให้สำเร็จ) เวลาออกบิณฑบาตจึงนำเอาข่าวนี้ไปบอกญาติโยมชาวบ้านต่างให้ความสนใจ จึงมาช่วยกันบูรณะ ปฎิสังขรณ์สร้างทุกๆอย่างที่พึงประสงค์เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาไม่กี่ปี ท่านถือหลักว่าไม่เรี่ยไรทุกคนมาทำบุญด้วยใจศรัทธาทั้งสิ้นครับ(หลวงพ่อสงวนท่านมรณะภาพเมื่อวันอาทิตย์ที่14กุมภาพันธ์2536เวลา19.45.สิริอายุได้76ปี30พรรษา

 

ก่อนที่หลวงพ่อจะบรรพชา(เป็นครั้งที่2)

 

สมัยที่ท่านเป็นฆราวาส  ท่านสร้างครอบครัวด้วยการทำนาด้วยความขยันขันแข็ง ชาวบ้านแถบนั้นถึงกับเอ่ยปากชมว่า  ท่านทำนาเกี่ยวข้าวเก่ง ท่านทำนาเก็บหอมรอบริบจนสามารถซื้อที่นาได้ 1 แปลง และมีเงินสะสมไว้ให้ลูก  หลังจากนั้นท่านจึงบรรพชาเป็นพระภิกษุอีกครั้งหนึ่ง(เป็นครั้งสุดท้าย

 

เชี่ยวชาญชำนาญเขียนผง

 

หลวงพ่อร่ำเรียนวิชาการเขียนผงมาจากหลวงพ่อครื้น วัดสังโฆท่านสามารถเขียนผงได้จนเชี่ยวชาญเรียกได้ว่า สำเร็จผงวิเศษ ซึ่งผงต่างๆเหล่านี้  ท่านได้นำมาใช้เป็นส่วนผสมหลัก  ในการสร้างพระเครื่อง-ลูกอม ผงของท่านจะสะสมแล้วปั้นเป็นแท่งแล้วนำมาเขียนอักขระ  ลบผง  เสกจนสำเร็จ

 

ดังนั้น  เมื่อนำผงที่สำเร็จแล้ว(นี้)  ไปกดเป็น  พระเครื่อง - ลูกอม - เครื่องราง จึงไม่จำต้องปลุกเสก(เพิ่ม)อีก(ครั้ง) มีบ่อยครั้งที่ศิษย์หรือผู้ที่เคารพนับถือหลวงพ่อ  ไปนั่งคอยหลวงพ่อกดพิมพ์พระเครื่อง  พระเนื้อยังไม่ทันแห้ง  หลวงพ่อก็แจกไปทันที  บอกให้เอาไปตากให้แห้งที่บ้านก็ได้

หลังจากนำไปตากจนแห้งแล้วนำไปบูชา  สรรพคุณก็ยังเหมือนเดิมทุกประการ 

 

หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง ยังยกย่อง

 

หลวงพ่อแพ  วัดพิกุลทอง  สนิทสนมกับหลวงพ่อสงวนในบรรดาศิษย์ใกล้ชิดหลวงพ่อจะทราบ  เพราะคราใดที่วัดพิกุลทองมีงาน หลวงพ่อแพ จะให้ศิษย์ขับรถมารับหลวงพ่อสงวนไปร่วมงานเสมอ แม้งานพิธีตามบ้าน  หากเจ้าภาพนิมนต์ทั้งหลวงพ่อสงวนและหลวงพ่อแพ เมื่อถึงเวลาเจ้าภาพ  นิมนต์พระเจิมบ้านหรือป้ายร้านค้า พลวงพ่อแพจะเอ่ยปากให้หลวงพ่อสงวนเป็นผู้เจิม และกล่าวยกย่องให้ศิษย์ฟังเสมอว่า  อาจารย์หงวนท่านทำผงเก่ง - เก่งเมตตา แต่ในทางกลับกัน  หลวงพ่อสงวน ก็มักกล่าวกับศิษย์เสมอว่า

 

" หากแวะไปสิงหบุรี ให้ไปกราบหลวงพ่อแพ  ท่านเป็นผู้มีบารมีสูง "

 

พูดคำหยาบ  กลับมีลาภสักการะ

 

หลวงพ่อสงวนมักชอบพูดคำหยาบ  เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ศิษย์ยิ่งวันไหน  หลวงพ่อดุด่า  เอ็ดตะโร  ด้วยเสียงอันดัง วันนั้นศิษย์ต่างรู้กันว่า  จะต้องมีคนเข้าวัดมาทำบุญเป็นจำนวนมาก บรรดาศิษย์ต้องอยู่วัด  จนดึกดื่นกว่าจะได้กลับบ้าน หลวงพ่อเคยเล่าให้ศิษย์ฟังว่า  หลวงพ่อครื้น วัดสังโฆ สุพรรณบุรี ท่านก็ชอบกล่าวคำหยาบคาย  แบบภาษาชาวบ้านเรียกว่า  พูดตรงๆไปอ้อมค้อม ถ้าเป็นปัจจุบันนี้ต้องเรียกว่า  หยาบคาย ก็แปลก  ที่ยิ่งด่าอย่างหยาบคายเท่าไหร่

กลับมีลาภสักการะมากเท่านั้น   นั่นอาจเป็นวิชาประเภทหนึ่งก็เป็นได้ ชาวบ้านหลายๆคน  ที่เคยถูกหลวงพ่อดุด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ต่างก็ได้รับลาภ  ถูกหวยรวยไปตามๆกัน  ถึงกับพูดกันก่อนเข้าวัดว่า  วันไหนเข้าวัด  อยากให้หลวงพ่อด่าแบบแรงๆ จะได้มีลาภกัน   ก็แปลก หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ สุพรรณบุรี เจ้าของลูกอมมหาเสน่ห์เมืองขุนแผน 

 

ลูกนี้เนื้อผงมาตราฐานที่เล่นหากัน  ลูกนี้เป็นเนื้อยุคต้นๆ เนื้อหาเม็ดมวลชัดเจนชัดเจน พิเศษลูกนี้มีจารลายมือหลวงพ่อสงวน ซึ่งพบเจอได้น้อยมากครับ เป็นลูกอมของดีอีกสำนักหนึ่งที่ได้รับความนิยม ท่านเชี่ยวชาญทางด้านการลบผงพุทธคุณท่านเขียนและลบผงด้วยตัวท่านเองลูกอมของท่านดีทางด้านเมตตามหาเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม รวมไปถึงค้าขายโชคลาภเป็นอย่างยิ่ง ในสมัยก่อนลูกอมของท่านไปแกว่งน้ำให้ผู้หญิงกิน จนได้เกิดวลีนี้ขึ้นมา เป็นเรื่องพูดปากต่อปาก "กระหรี่แก่ๆยังหาผัวได้"

      ท่านหลวงพ่อสงวนได้ชื่อว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำผง(ลบผง)อิทธิเจได้ขลัง ไม่เป็นสองรองผู้ใด หลวงพ่อแพวัด พิกุลทองจ.สิงห์บุรี ยังเคยได้กล่าวไว้ว่าหลวงพ่อสงวนนี้ทำผงเก่งคราใดที่หลวงพ่อแพท่านจะสร้างพระ ท่านจะขอให้หลวงพ่อสงวนลบผงอิทธิเจ เพื่อมาผสมเป็นมวลสารการสร้างพระของท่านแทบทุกครั้งไปนี่คือเครื่องยืนยันถึงความเก่งของหลวงพ่อสงวนได้เป็นอย่างดีและประสบการณ์อีกมายมายหลายหลากที่เล่าไม่รู้จบ อันเกิดจากลูกอมมหาเสน่ห์และขุนแผนของท่าน